การวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณาโดยใช้อุปกรณ์พกพา

Mobile Ethnography

วิธีนี้เป็นวิธีการประยุกต์ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีแบบพกพามาช่วยในการเก็บข้อมูลภาคสนาม เพื่อใช้ทำความเข้าใจวิธีคิดหรือมุมมองของคนในสังคมที่ศึกษาอยู่

BENEFIT

ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถทำการวิจัยได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยผลที่ได้มาจากเทคนิคนี้นอกจากสามารถเจาะลึกและดึงข้อเสนอแนะที่มีในใจของผู้ใช้บริการได้แล้ว เทคนิคนี้ยังสามารถใช้ได้ในการวิจัย เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจเชิงลึก (Insight) ในกระบวนการทำงาน ประสบการณ์ และความเห็นของคนในองค์กรได้อีกด้วย

INPUT

  • อุปกรณ์เทคโนโลยีแบบพกพา เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้อง
  • รูปแบบแนวทางการบันทึกและส่งต่อข้อมูล
  • OUTPUT

    ข้อมูลเชิงลึกในรายละเอียดของจุดปฏิสัมพันธ์ (Touchpint) จากมุมมองของตัวแทนผู้ใช้บริการที่เข้าร่วมวิจัย ได้รับรู้ในจุดบริการแต่ละจุด ในรูปแบบเสียง ข้อความ ภาพ และวิดีโอ

    WHAT IT DOES

    วิธีการวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณาเป็นวิธีที่ใช้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตประจำวัน พฤติกรรม และทัศนคติของคนในสังคมวัฒนธรรมที่ศึกษาอยู่อย่างละเอียด โดยใช้วิธีการสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วม (Participant Observation) ซึ่งผู้วิจัยจะร่วมทำกิจกรรมและสังเกตการณ์ในเวลาเดียวกัน

    รวมถึงพูดคุยสัมภาษณ์ผู้ที่มีความคิดเห็นหลักในกลุ่มคนนั้นๆ (Key Informant) ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้วิจัยจะใช้เวลานานในการแฝงตัวใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนในพื้นที่

    ในวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟนมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ได้ข้อมูลดังกล่าว โดยผู้วิจัยไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่นั้น แต่สามารถชี้นำแนวทางและขั้นตอนในการบันทึกข้อมูลแบบทางไกลให้ผู้ร่วมมือ ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในสังคมและวัฒนธรรมนั้นๆ ได้บันทึกและส่งข้อมูลให้ผู้วิจัย ข้อมูลความเข้าใจเชิงลึก (Insight) ที่ได้มาจากตัวแทนผู้ใช้บริการที่เข้าร่วมวิจัยที่อยู่ในพื้นที่นี้ จะได้มาจากการนำเสนอรูปแบบมุมมองที่เป็นตัวตนของคนที่อยู่ในสังคมนั้นอย่างแท้จริง ซึ่งผู้ร่วมวิจัยในพื้นที่สามารถวางโครงสร้างในการนำเสนอได้เอง

    เทคโนโลยีในปัจจุบันมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่งยังผลให้สามารถทำงานวิจัยในรูปแบบนี้ได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ การที่ให้ผู้ร่วมวิจัยในพื้นที่มีอุปกรณ์ เช่นสมาร์ทโฟน จะเอื้อให้ผู้ร่วมวิจัยสามารถบันทึกเวลาและสถานที่ในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงจุดปฏิสัมพันธ์ (Touchpoint) ที่พวกเขาได้รับรู้ในจุดบริการแต่ละจุด ในรูปแบบเสียง ข้อความ ภาพ และวิดีิโอ ได้อย่างสะดวก

    การที่ให้ผู้ร่วมวิจัยได้กำหนดจุดที่คิดว่าเป็นจุดสำคัญในการปฏิสัมพันธ์เอง หรือแม้กระทั่งการให้คะแนนประเมินความมีประสิทธิภาพ จากรูปแบบโครงสร้างการทำงานของระบบบริการจากผู้ใช้ (User-structured Image) จะทำให้มุมมองที่ได้มามีความใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตของกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นเป้าหมายอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

    CONSIDERATIONS

    แนวทางการทำวิจัยรูปแบบนี้ควรให้เปิดกว้าง ไม่ควรกำหนดโครงสร้างในขั้นตอนหรือข้อคำถามมากเกินไป ซึ่งการจำกัดหรือวางโครงสร้างที่ตายตัวจนเกินไปอาจจะส่งผลให้สูญเสียประเด็นที่สำคัญหรือน่าสนใจไปได้

    HOW IT WORKS

    1. เก็บข้อมูลทางไกลจากผู้ร่วมมือในพื้นที่โดยการพูดคุยสัมภาษณ์ทางไกลผ่าน เสียง (Audio Conference) เว็บไซต์ (Web Conference) การสนทนากลุ่มทางไกล (Virtual Focus Group) หรือ การบันทึกชีวิตประจำวันผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Diaries)
    2. นำข้อมูลที่ได้มาไปบันทึกใส่ในกระดาษโน้ตเตือนความจำอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Sticky Note) จากนั้นนำมาวิเคราะห์ และจัดกลุ่ม และสร้างแผนภาพตามเนื้อหาที่ได้ข้อมูลมา โดยสะท้อนจากแนวโน้มที่เกิดขึ้น